ฟันปลอม

เพิ่มความมั่นใจทุกรอยยิ้ม และลดปัญหาสุขภาพอื่นๆด้วยฟันปลอมทั้งแบบชนิดถอดได้ (Removable denture) และ ชนิดติดแน่น (Fixed denture)

เมื่อมีการสูญเสียฟัน อาจทำให้มีผลต่อการยิ้ม ขาดความมั่นใจ รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น ปัญหาการบดเคี้ยว ปัญหาการพูด รวมถึงหากทิ้งให้มีการสูญเสียฟันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการล้มของฟันข้างเคียงหรือฟันคู่สบ ซึ่งอาจมีปัญหาต่อการสบฟัน รวมถึงการใส่ฟันในอนาคตได้

การใส่ฟันจะช่วยเติมเต็มช่องว่างทำให้มีการสบฟันที่ดี ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการทิ้งช่องว่างของฟันไว้เป็นเวลานาน และทำให้ใบหน้าดูสมดุลยิ่งขึ้น

การปรึกษากับทันตแพทย์จะสามารถช่วยในการตัดสินใจได้ว่าควรใส่ฟันปลอมหรือไม่ และฟันปลอมประเภทไหนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละราย

ฟันปลอมแบบถอดได้ (Removable denture)

ฟันปลอมที่สามารถใช้ถอดเข้า-ออกได้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ฟันปลอมทั้งปาก (Full denture) และฟันปลอมบางส่วน (Partial denture)

ข้อดีของฟันปลอมชนิดถอดได้:

  • ราคาไม่แพง
  • ใช้เวลาในการรักษาน้อย
  • สามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดได้

ข้อเสียของฟันปลอมชนิดถอดได้:

  • อาจรู้สึกไม่สบายในตอนแรก อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักระยะ
  • ไม่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดีเท่าฟันธรรมชาติ
  • อาจเกิดปัญหาเหงือกอักเสบหรือเหงือกร่น

ฟันปลอมแบบติดแน่น (Fixed denture)

ฟันปลอมที่ไม่สามารถถอดออกได้ จะยึดติดอยู่อย่างถาวร ข้อดีคือ ไม่ต้องคอยถอดเข้า-ออก ทำให้ไม่รู้สึกรำคาญและใช้เวลาปรับตัวในการเคี้ยวและพูดน้อย แต่จะมีราคาสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้ ซึ่งฟันปลอมแบบติดแน่นสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สะพานฟัน (Bridge) และรากฟันเทียม (Dental implant)

ข้อดีของฟันปลอมชนิดติดแน่น:

  • ยึดติดแน่นหนา ทำให้ไม่หลุดง่าย
  • ใช้งานง่าย สะดวกสบาย
  • สวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
  • ช่วยให้การบดเคี้ยวอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ช่วยลดปัญหาการพูดไม่ชัด

ข้อเสียของฟันปลอมชนิดติดแน่น:

  • ราคาแพง
  • ใช้เวลาในการรักษานาน
  • อาจเกิดปัญหาเหงือกอักเสบหรือเหงือกร่น
  • ไม่สามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดได้